
วันนี้ (3มี.ค. 68) นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ ว่า ขณะนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วง มีอยู่ 4 เรื่อง ประกอบด้วย 1.เรื่องน้ำกินน้ำใช้ ได้สั่งการให้ ทั้ง 32 อำเภอ สูบน้ำที่มีอยู่ในบ่อน้ำต่างๆไปกักเก็บไว้ในพื้นที่ที่สามารถกักเก็บได้ เพื่อใช้ในการผลิตน้ำประปาให้กับประชาชนในพื้นที่ของแต่ละอำเภอ เรื่องที่ 2. น้ำเพื่อการเกษตรได้ประกาศให้มีการงดทำนาปรัง และให้ปลูกพืชช้ำน้อยเป็นหลัก เพื่อลดการสูญเสีย 3.น้ำเพื่อระบบนิเวศ ชลประทานได้มีการบริหารน้ำในลำคลองต่างๆเพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงระบบนิเวศน์ และ4.น้ำเพื่อภาคอุตสาหกรรมได้มีการหารือทุกภาคส่วนแล้ว ให้มีการจัดสรรน้ำให้เพียงพอ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าในปี้ปริมาณน้ำน้อยมากเนื่องจากฝนที่ตกลงมามีปริมาณที่น้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทำให้เขื่อนแต่ละแห่งเกิดปัญหา กักเก็บน้ำได้น้อย อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือจากประชาชนให้ช่วยกันประหยัดน้ำ ซึ่งหากประหยัดน้ำได้ จะส่งผลให้มีน้ำต้นทุนและสามารถบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น ส่วนการทำนาปรังเกษตรกรต้องดทำนาปรังโดยเด็ดขาด ตามที่ทางส่วนราชการได้แจ้งเตือน นอกจากนี้น้ำที่ปล่อยลงมาสู่ลำคลองต่างๆเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ หากประชาชน เกษตรกรไม่แย่งกันสูบไปใช้ด้านอื่น ระบบนิเวศน์ก็จะสามารถดำรงอยู่ได้ หากทุกคนร่วมมือกันเราจะผ่านพ้นหน้าแล้งไปได้ ขณะที่สถานการณ์น้ำในเขื่อนต่างๆของจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะเขื่อนขนาดใหญ่ 4 แห่ง ประกอบด้วย เขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว มีปริมาณน้ำใช้การได้การอยู่ที่ 44.107 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 15.12 % ของความจุ 314 ล้าน ลบ.ม. เขื่องลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย มีปริมาณน้ำใช้การได้การอยู่ที่ 76.78 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 49.77 % ของความจุ 155 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนมูลบน อ.ครบุรี มีปริมาณน้ำใช้การได้การอยู่ที่ 59.15 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 44.17 % ของความจุ 141 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนลำแชะ อ.ครบุรี มีปริมาณน้ำใช้การได้การอยู่ที่ 123.19 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 45.67 % ของความจุ 275 ล้าน ลบ.ม.
แหล่งที่มา ภาพ/ข่าว สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา